เลขาฯสาธารณสุข แจงดราม่า งานเลี้ยงบ้านอนุทิน ชี้จัดเฉพาะครอบครัว

เลขาฯสาธารณสุข แจงดราม่า งานเลี้ยงบ้านอนุทิน ชี้จัดเฉพาะครอบครัว

เลขาฯ กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงดราม่า งานเลี้ยงบ้านอนุทิน ชี้เป็นการจัดเฉพาะครอบครัว และ จัดในที่โล่ง วอนขอความเป็นธรรมด้วย นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงกรณีดราม่า หลังจากที่การเผยแพร่ภาพงานเลี้ยงปีใหม่ที่จัดที่บ้านของ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และไม่ได้มีการสวมหน้ากากอนามัย หรือ เว้นระยะห่างทางสังคม จนเกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น

นายวัชรพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น 2-3 เรื่อง 

ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อนายอนุทิน จึงขอถือโอกาสนี้ ชี้แจงทุกเรื่องไปพร้อมกัน ประเด็นแรก การกล่าวหาว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโทษประชาชน จากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 มกราคม แท้จริงแล้วจุดประสงค์ของนายอนุทินต้องการตำหนิผู้ที่ละเลยมาตรการด้านสาธารณสุข จนนำมาซึ่งการระบาดของโควิด-19

และที่ผ่านมา มีปัญหาชัดเจนว่าร้านอาหารกึ่งผับละเลยมาตรการ กลายเป็นจุดระบาดที่สำคัญ เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขกังวลมาก นี่คือเรื่องที่ท่านสื่อสาร แต่กลับมีการนำเสนอเพื่อชี้ให้เห็นว่าท่านกำลังกล่าวโทษประชาชนทุกคนที่ติดเชื้อ ซึ่งไม่เป็นความจริง ที่ท่านตำหนิคือ พวกที่ไม่มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมเท่านั้น

นายวัชรพงศ์ กล่าวว่า ต่อมามีเรื่องบุตรชายของนายอนุทิน หากดูบริบทในงานจะเห็นว่าจัดกันในสถานที่เปิดโล่งและที่สำคัญคือ ในงานมีผู้สูงวัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งกว่าจะผ่านการคัดกรองเข้ามาร่วมงานได้ ต้องมีการตรวจอย่างรัดกุมที่สุด มีการตรวจหาเชื้อและต้องยื่นเอกสารยืนยันการรับวัคซีนให้ครบถ้วน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าผู้สูงวัยนั้นคือ กลุ่มเสี่ยงป่วยหนักแม้จะได้รับวัคซีนก็ต้องระวัง ฉะนั้น ผู้จัดงานไม่ประมาทแน่นอน และกรุณาอย่าเปรียบเทียบกิจกรรมนี้กับการแพร่ระบาดในสถานบันเทิง เพราะอย่างที่บอกว่า มาตรการต่างๆ ในกิจกรรมนี้ มีความเข้มงวดอยู่แล้ว เนื่องจากมีกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่ม 608 ร่วมกิจกรรมอยู่ด้วย

“ปัจจุบัน ร้านอาหารกึ่งผับหลายเจ้า ซึ่งเป็นแหล่งระบาดนั้น ไม่เพียงแต่ละเลยมาตรการ แต่ยังกระทำผิดกฎหมายก็ถูกต้องแล้ว ที่จะต้องถูกตำหนิ และควรต้องได้รับโทษด้วย ซึ่งต่างกันอย่างยิ่งกับอีกกิจกรรมที่จัดขึ้น ซึ่งเป็นงานแบบปิด ไม่ได้เปิดให้สาธารณะเข้าร่วม จัดกันในที่โล่ง รับประทานอาหารกันเฉพาะครอบครัว มีมาตรการคัดกรองก่อนเข้างาน แต่กลับโดนวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่ทำถูกต้อง ตรงนี้ ต้องขอความเป็นธรรมด้วย” นายวัชรพงศ์ กล่าว

‘ประยุทธ์’ ถก ศบค.ชุดใหญ่ ยืนยัน ไม่ล็อกดาวน์ ปรับเวลาดื่มแอลกอฮอลล์ในร้าน

ประยุทธ์ ถก ศบค.ชุดใหญ่ ยืนยัน ไม่ล็อกดาวน์ และไม่สั่งห้ามเดินทางข้ามจังหวัด พร้อมปรับเวลาดื่มแอลกอฮอลล์ในร้าน กลับมาเป็น 21.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบ Video Conference

เพื่อหารือถึงประเด็นต่างๆ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดโดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีวาระการประชุมที่น่าสนใจ อาทิ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อ โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ , ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(ศปก.กก.) รายงานความก้าวหน้าการเปิดประเทศ และการดำเนินการสำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (แซนด์บ็อกซ์)

ทั้งนี้สำนักข่าว เดลีนิวส์ ระบุว่า ที่ประชุม ศบค.เช้านี้ ว่า ที่ประชุมไม่มีมติล็อกดาวน์ และในส่วนร้านอาหารจะสามารถนั้งดื่มไม่เกินเวลา 21.00 น. อีกทั้งไม่ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด แต่จะเน้นขอความร่วมมือในช่วงเวลานี้หากไม่จำเป็น รวมทั้งได้มีการพิจารณาเพิ่มพื้นที่แซนด็บ็อกซ์ ทั้งนี้รอศบค.แถลงความชัดเจนภายหลังประชุม

กทม. เตรียมฉีด ไฟเซอร์นักเรียน อายุ 5-11 ปี ให้กับนักเรียนในสังกัด เริ่ม ก.พ. นี้ เพื่อป้องกันโควิดโอมิครอน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ในขณะนี้พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ว่า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความปลอดภัยของนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา

สำนักการศึกษา กทม. จึงปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาในสังกัด จำนวน 109 โรงเรียน จากรูปแบบ ON-SITE เป็นรูปแบบการเรียนการสอนแบบ ONLINE ตั้งแต่วันที่ 7-16 ม.ค.65 หรือจนกว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น โดยกำหนดแผนและแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมตามบริบทของแต่ละโรงเรียน รวมถึงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่และคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ได้เตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ให้แก่นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา กลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 16,391 คน ในเดือน ม.ค.65 และกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ในเดือนก.พ.65

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป