รุดสอบ แก๊งค้ายาใช้รถกู้ภัยยิงสู้ ซิ่งหนี ขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด

รุดสอบ แก๊งค้ายาใช้รถกู้ภัยยิงสู้ ซิ่งหนี ขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด

“รองฯรอย” รุดสอบ 3 ผตห.”แก๊งค้ายาใช้รถกู้ภัยยิงสู้ ซิ่งหนี” ขณะขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด หลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 2 รวบตัวคาห้องเช่า ที่เขาชะเมา จว.ระยอง วันนี้ (8 มิ.ย.65) เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 1 , บก.ทล. และ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันแถลงข่าว การจับกุมตัว

1. นายจิรายุทธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1424 ลาดพร้าว 87 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เป็นคนคนขับรถตู้กู้ภัย

2. น.ส.ทิพวรรณ หรือทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/40 ซ.คู้บอน 27 แขวงท่าแล้ง เขตบางเขน กรุงเทพ เป็นภรรยานายจิรายุทธฯ คนนั่งมาด้วย

3. นายชาญณรงค์ (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ซ.โพธิ์แก้ว 3 แยก 2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นขับรถกู้ภัยมารับพาหลบหนี

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวน ภาค.2 สามารถจับกุม นายจิรายุทธฯ และ น.ส.ทิพวรรณฯ จับกุมได้ที่ห้องเช่า เลขที่ 13 ม.3 ต.ซ้ำฆ้อ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ส่วน นายชาญณรงค์ฯ จับกุมได้ที่ อ.เมือง จว.ฉะเชิงเทรา ซึ่ง พล.ต.อ.รอย ได้เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายด้วยตัวเอง

คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ 5 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 14.00 น. มีเหตุผู้ขับขี่รถยนต์ตู้พยาบาล สีขาว ทะเบียน 1 นข 4280 กรุงเทพมหานคร ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจในเขตพื้นที่ จว.สระบุรี และ จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเปิดทางหลบหนีมุ่งหน้าเข้าเขตกรุงเทพมหานคร มีคนร้ายบนรถยนต์ตู้คันดังกล่าว จำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน

เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ได้ขับขี่หลบหนีเข้าไปภายในซอยวัดแป้นทอง บริเวณจุดทิ้งขยะ ซ.หนองระแหง 5 ถ.ไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ได้นำยาบ้าบรรจุเป็นห่อใหญ่จำนวน 6 ห่อ จำนวน 2,400,000 เม็ด ไปทิ้งพงหญ้าภายในซอยดังกล่าว

หลังจากนั้นได้ขับขี่รถยนต์ตู้คันดังกล่าวไปทิ้งไว้ท้ายซอยราษฎร์อุทิศ 44/1 ถ.ราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร แล้วหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ที่นำยาบ้าไปทิ้งไว้คือ นายจิรายุทธฯ และ น.ส.ทิพวรรณฯ สองสามีภรรยา โดยหลังเกิดเหตุ ได้มี นายชาญณรงค์ฯ เป็นคนขับรถมารับพาหลบหนีไป

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานการปฏิบัติระหว่าง ภ.1 , ภ.2 และ บก.ทลฯ ช่วยกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดเรื่อยมา จนต่อมาได้สืบทราบว่าหลบหนีมาซุกซ่อนตัวอยู่บริเวณที่จับกุม จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมตัวไว้ได้ เพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อสืบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมกระความความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

เหี้ยม! แม่เลี้ยงฆ่าลูก 3 ขวบ พ่อไม่ห้าม พบเคยทำลูกขาหักมาแล้ว

ตำรวจเข้าจับกุม พ่อ และ แม่เลี้ยงฆ่าลูก 3 ขวบ เผยทุกครั้งพ่ออยู่แต่ไม่เคยห้าม ตรวจประวัติพบเคยทำลูกขาหักมาแล้ว พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้เข้าจับกุม หญิงอายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง และชายอายุ 28 ปี ซึ่งเป็นพ่อของเด็ก หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลอำเภอเมืองภูเก็ตว่า ว่ามีเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ เสียชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉิน หลังพ่อของเด็กพามาส่ง

โดยทางครอบครัว โดยอ้างว่าเด็กมีอาการอาเจียน และชักเกร็ง อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า พบรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง จึงส่งไปตรวจชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จากผลตรวจนั้น ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากเลือดออกในช่องท้อง และพบบาดแผลถูกทำร้ายจากของแข็ง ตามร่างกายหลายแห่ง

ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติมของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิต เคยถูกพาส่งโรงพยาบาลด้วยอาการขาหัก พ่อเด็กอ้างว่าเด็กพลัดตกจึงขาหัก แต่จากการสอบปากคำผู้ต้องหายอมรับแล้วว่าเกิดจากการถูกแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายลูก

ทุกครั้งพ่อเด็กก็อยู่ด้วย แต่ไม่เคยห้ามปราม จึงถือว่ามีความผิดด้วย โดยคนทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และแม่เลี้ยงถูกแจ้งเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจ

เกิดเหตุเศร้าขึ้น หลังจากที่ จ่าสิบเอก ยิงภรรยา กลางโรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น หลังง้อไม่สำเร็จ ก่อนยิงปลิดชีพตัวเองตาม พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานเมื่อช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนยิงภายหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหัวใจ ชั้น 4 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น

เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ น.ส.นภาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ใกล้กันพบ จ.ส.อ.อรรคพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ก่อเหตุ ใช้ปืนยิงเข้าที่ศีรษะบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมาเช่นเดียวกัน

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป